ครีมรักษาฝ้าในปัจจุบัน เราสามารถหาได้จากสถาบันความงาม โรงพยาบาล และตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งคนเป็นฝ้าส่วนใหญ่ที่ไม่ต้องการความยุ่งยากที่จะไปเข้าสถาบันความงาม หรือโรงพยาบาลที่มีราคาแพง และต้องต่อคิวให้ยุ่งยาก จึงหาครีมรักษาฝ้าในแหล่งที่เข้าถึงง่าย และราคาประหยัด โดยไม่รู้เลยว่าครีมรักษาฝ้าที่กำลังเลือกซื้อหามาใช้อยู่นั้น เป็นอันตรายต่อผิวหน้าหรือไม่ ?
ครีมรักษาฝ้าตามท้องตลาดทั่วไป ที่มีคำโฆษณาว่า “รักษาฝ้าเห็นผลไว ภายใน 3-7 วัน” หรือ “เห็นผลจริง เห็นผลไว ชั่วข้ามคืน!” โดยครีมรักษาฝ้าที่มีคำโฆษณาเกินจริงเหล่านี้ สามารถเห็นผลได้จริงตามที่เขาโฆษณาไว้ แต่ทราบหรือไม่ว่า ครีมรักษาฝ้าที่เห็นผลไวขนาดนี้ มีสารอันตรายอะไรบ้าง และมีความอันตรายที่กำลังตามมาคืออะไรบ้าง ?
สารอันตรายในครีมรักษาฝ้า
สารอันตรายในครีมรักษาฝ้า ที่ทำให้รักษาฝ้าได้จริงเป็นหนึ่งในส่วนผสมของครีมรักษาฝ้าตามท้องตลาด นั่นก็คือ สารไฮโรคิวโนน (Hydroquinone) เป็นสารเคมีที่ช่วยยับยังการสร้างเมลานินให้ลดลงได้จริง ทำให้รอยฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าเลือนหายไปได้ ในเวลาอันสั้น ทำให้ใครก็ต่างสนใจที่จะซื้อใช้กัน เพราะราคาถูก เห็นผลจริง หน้าขาวเร็ว รอยฝ้ากระจางได้ไว
แต่ทราบหรือไม่ว่า สารไฮโรคิวโนน (Hydroquinone) ต้องใช้ปริมาณตามที่แพทย์กำหนดเท่านั้น! ซึ่งสามารถใช้ได้แค่ 4% ก็เพียงพอแล้ว แต่ก็มีผู้ผลิตบางรายที่เห็นแก่ตัว นำสารเคมีที่ชื่อ Hydroquinone มาใช้ในปริมาณที่มากกว่าแพทย์กำหนด เพราะอยากให้ผู้บริโภคใช้แล้ว เห็นผลเร็วทันใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
ผลเสียที่จะตามมาก็คือ เมื่อหยุดใช้ ฝ้าจะกลับมาลึกขึ้น สีผิวไม่สม่ำเสมอ บางรายแพ้หนักๆผิวไหม้ถาวร เจอแสงแดดไม่ได้ มีสิวขึ้นมากมาย กลายเป็นคนผิวแพ้ง่ายจัดไปเลยก็มี
วิธีตรวจสอบสารเคมีอันตรายด้วยตัวเอง
- ผสมผงซักฟอก กับน้ำ ให้พอข้นเป็นเนื้อครีม
- นำครีมที่เราไม่แน่ใจว่ามีสารเคมีหรือไม่ มาป้ายลงบนทิชชู่
- ป้ายผงซักฟอกที่เราผสมน้ำ ลงบนครีม ทิ้งไว้ 5 นาที ถ้าครีมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แสดงว่ามีสารเคมีอันตรายอยู่มาก อย่างปรอท ไฮโดรคิวโนน เป็นต้น
ครีมรักษาฝ้าจากสมุนไพรไม่เป็นอันตรายต่อผิว
ครีมรักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากหัวไชเท้า สามารถรักษาฝ้าได้จริง เพราะหัวไชเท้ามีสารไกลโคไซด์ (Glycossides) ที่อุดมไปด้วย กรดแอสคอบิก (Ascorbic Acid) และ วิตามินเอ ซึ่งผลการวิจัยออกมา ตรงกันว่า ช่วยลดเรื่อง ฝ้า กระ ได้อย่างเห็นผลชัดเจน โดยเข้าไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ร่างกายผลิตออกมามากเกินไป จนกลายเป็น ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ในหัวไชเท้ายังมีวิตามินอีกมากมาย มีสารที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บนผิวหนัง และ ยังมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะโดยธรรมชาติ ลดการอักเสบได้
ครีมรักษาฝ้าจากสมุนไพร เมื่อหยุดใช้ ไม่ทำให้ฝ้าฝังลึก หรือรอยฝ้ากลับมา แต่ผิวหน้าโดยรอบที่ไม่ได้เป็นฝ้าจะคืนสีเดิมที่เคยเป็น เป็นไปตามปกติของครีมทั่วๆไปที่เป็นสูตรไวท์เทนนิ่งนั่นเอง
วิธีรักษาฝ้าด้วยตัวเอง
1. อย่าถูกแสงแดดมาก เวลาออกกลางแจ้งควรใส่หมวกหรือกางร่ม และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ 15 นาที ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
2. ควรหลบแสงไฟแรง ๆ เพราะอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ง่าย
3. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมและเครื่องสำอาง เพราะอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดฝ้าหรือรอยด่างดำบนใบหน้า
4. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าให้อารมณ์เครียดมาก
5. พอกหน้าลดรอยฝ้ากระด้วยหัวไชเท้า โดยการผสม หัวไชเท้าเล็กน้อย และน้ำมะนาว นำมาพอกหน้า 10 นาที ล้างออกให้สะอาด ครั้งแรกจะยิบๆ มีอาการแสบหน่อย แต่เมื่อทำเรื่อยๆผิวหน้าจะชินไปเอง
ครีมรักษาฝ้าจากสมุนไพร อย่าง MaNeE Skincare ได้รับการรับรองจาก OTOP และมาตราฐาน อย. มีสารสกัดจากหัวไชเท้า ที่ช่วยรักษาฝ้าอย่างเห็นผล ไม่ทำให้หน้าบาง หรือแสบ เหมือนการพอกหน้าทั่วไป และไม่มีสารอันตรายที่ทำร้ายผิวหน้า อย่าง สารไฮโดรคิวโดน หรือ สารปรอท แน่นอน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น