ฝ้าเกิดจากอะไร?
" ฝ้า " เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีผิว (เมลานิน) ทำงานผิดปกติ เมื่อเวลาเจอแสงแดด เมลานินก็จะออกมาป้องกันรังสี UV เลยทำให้เกิดขึ้นเป็นกระจุดตามใบหน้าต่างๆ เเละเกิดขึ้นกับบางคนเท่านั้น!
โดยมาก ฝ้า มักจะเกิดกับคนที่มีผิวขาวมากกว่า คนผิวคล้ำ หรือผิวดำ ส่วนใหญ่ฝ้าจะขึ้นโดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มและสันจมูก เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกแดดได้บ่อยที่สุด ส่วนใหญ่ ฝ้า จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 70% นอกจากแสงแดดจะทำให้เกิดฝ้าได้แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกด้วยนะ
สาเหตุของการเกิดฝ้า
1. แสงแดด
แสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดทำให้เกิดฝ้า เมื่อผิวหนังถูกแสงแดด รังสีอุลตร้าไวโอเลต จะกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนสมากขึ้น ทำให้มีการสร้างเม็ดสีผิดปกติ (เมลานิน) จนเกิดเป็น ฝ้า กระ หรือ รอยด่างดำมากตามมา
2. ฮอร์โมน
ฮอร์โมนที่ทำงานผิดปกติ โดยมากมักพบในคนตั้งครรภ์ หรือคนที่รับประทานยาคุมกำเนิด และอาจพบในคนที่เป็นธัยรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) ผิวหนังทั่วร่างกายจะมีสีคล้ำมากขึ้น
3.ยารับประทาน
ยาหลายชนิดที่ทำให้เกิดฝ้าได้ เช่น ยากันชัก Diphenylhydantoin, Mesantoin
4.เครื่องสำอาง
เครื่องสำอางที่มีสารเคมี บางคนเกิดการแพ้เครื่องสำอาง เช่นน้ำหอม สี สารกันเสีย ทำให้เกิดรอยด่างดำแบบฝ้าได้
5.การขาดอาหาร
การขาดสารอาหารบางอย่างทำให้มีสีผิวคล้ำขึ้นได้ เช่น กรด Folic, วิตามินเอ, วิตามินซี หรือวิตามินบี12
6.พันธุกรรม
พันธุกรรม โดยมากหากคนในครอบครัวเป็นฝ้า มีโอกาสที่คนนั้นจะเป็นฝ้ามีเปอร์เซ็นต์สูง 30-50% และพบว่าฝ้ามักเกิดในคนเอเซีย ซึ่งอาจเกิดจากอิทธิพลของพันธุกรรม หรืออาจเป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อม
วิธีป้องกันฝ้า
1. หาสาเหตุต่างๆที่ทำให้เกิดฝ้า
อาชีพ อาชีพบางอาชีพจำเป็นต้องตากแดดอยู่เป็นประจำ ทำให้เกิดฝ้า จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด เช่น สวมหมวก แว่นกันแดด ผ้าปิดจมูก
ยาคุมกำเนิด หากรับประทานยาคุมกำเนิดแล้วทำให้เกิดฝ้า ควรหยุดรับประทาน แล้วเลือกการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆแทน
เครื่องสำอาง ไม่ควรเปลี่ยนเครื่องสำอางบ่อยๆ เพราะอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย หากต้องเปลี่ยนเครื่องสำอาง ควรทดสอบบริเวณที่บอบบาง เช่น ใต้คาง ใต้ท้องแขน และควรจะอ่านรายละเอียดของสารประกอบในเครื่องสำอางนั้นว่ามีสารที่ทำให้ระคายเคืองอย่าง แอลกอฮอล น้ำหอม สี สารกันเสีย
2.รักษาฝ้าให้จางลง ด้วยการ ทา พอก ขัด
การทายา ทายารักษาฝ้าเพื่อบรรเทาอาการฝ้าให้จางลง ผู้ที่ใช้ยาทารักษาฝ้า ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ไม่ควรซื้อยาฝ้ามาทาเองเพราะอาจทำให้เกิดผื่นแพ้ได้ หรือบางชนิดจะมีส่วนของยาพวกเสตียรอยด์ทำให้ผิวหน้าบางลงจนเห็นเส้นเลือดฝอยได้การขัดผิว/พอกผิว ควรใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่ช่วยรักษาฝ้า ที่มีกรด VitaminC และ AHA ซึ่งจะช่วยให้รอยดำจากฝ้า กระ จุดด่างดำจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวสว่างใสขึ้นด้วย
3.ป้องกันฝ้า ไม่ให้กระทบแสงแดด
แสงแดด เป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เป็นฝ้ามากขึ้น ควรทายากันแดด หรือผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 PA+++ ขึ้นไป ทาเป็นประจำทุกวัน
หัวไชเท้ารักษาฝ้าได้อย่างไร
หัวไชเท้า มีสารไกลโคไซด์ (Glycossides) ที่อุดมไปด้วย กรดแอสคอบิก (Ascorbic Acid) และ วิตามินเอ ซึ่งผลการวิจัยออกมา ตรงกันว่า ช่วยลดเรื่อง ฝ้า กระ ได้อย่างเห็นผลชัดเจน โดยเข้าไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ร่างกายผลิตออกมามากเกินไป จนกลายเป็น ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ในหัวไชเท้ายังมีวิตามินอีกมากมาย มีสารที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บนผิวหนัง และ ยังมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะโดยธรรมชาติ ลดการอักเสบได้
รักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้าอย่างไร ไม่ให้แสบผิว
1. หัวไชเท้า + ว่านหางจรเข้
เพียงนำหัวไชเท้าบด ผสมวุ้นว่านหางจรเข้ที่ล้างยางออกแล้ว มาผสมรวมกัน นำมาพอกหน้า 15 - 20 นาที ล้างด้วยน้ำอุ่น และกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)
สูตรนี้จะช่วยให้หน้าขาวใสขึ้น ลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้าเนียนนุ่ม แถมผิวหน้ายังระคายเคืองน้อยลงจากหัวไชเท้า เพราะวุ้นว่านหางจรเข้ จะช่วยลดอาการระคายเคือง ทำให้หน้าชุ่มชื้นขึ้นด้วย จึงทำให้ไม่เเสบผิวจากหัวไชเท้าบดด้วย
2. หัวไชเท้า + นมสด
นำหัวไชเท้าบด ผสมนมเล็กน้อย นำมาพอกหน้า 15 - 20 นาที ล้างด้วยน้ำอุ่น และกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)
สูตรนี้"กรดแลกติก" ที่ทำหน้าที่เป็น "กรดไฮดรอกซีอัลฟา" จากธรรมชาติ ซึ่งเป็นสารที่ละลายเซลล์ผิวที่ตาย ให้หลุดลอกออกได้โดยง่าย รวมถึง น้ำนม สามารถทำความสะอาดผิวได้ลึกจนถึงชั้นผิวชั้นใน และโปรตีนในนมสดจะกระตุ้นเซลล์ผิว ให้ผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ผิวจึงมีความยืดหยุ่น นุ่มนวลขึ้น ช่วยลดการเกิดสิวได้ด้วยค่ะ
3. หัวไชเท้า + แตงกวา
นำหัวไชเท้าบด ผสมแตงกวาปั่น นำมาพอกหน้า 15 - 20 นาที ล้างด้วยน้ำอุ่น และกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)
แตงกวามีวิตามินซี ช่วยต่อต้านอนุมูชอิสระ ลดริ้วรอย แถมบรรเทาอาการแสบจากหัวไชเท้าได้ เพราะช่วยทำให้หน้าชุ่มชื้น ไม่ร้อน ไม่แสบ ทำให้หน้าใส กระจ่างมากขึ้น
4. หัวไชเท้า + น้ำผึ้ง
นำหัวไชเท้าบด ผสมนมน้ำผึ้ง นำมาพอกหน้า 15 - 20 นาที ล้างด้วยน้ำอุ่น และกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)
สูตรนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำให้หน้านุ่ม ชุ่มชื้น ลดสิว และนำผึ้งยังช่วยไม่ให้แสบจากหัวไชเท้าได้ด้วย
5. หัวไชเท้า + น้ำมันรำข้าว
นำหัวไชเท้าบด ผสมน้ำมันรำข้าวเล็กน้อย นำมาพอกหน้า 15 - 20 นาที ล้างด้วยน้ำอุ่น และกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)
น้ำมันรำข้าวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว อุดมด้วยวิตามินอี ลดริ้วรอยและผลัดเซลล์ผิวหนังใหม่ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติดูดรังสีอัลตราไวโอเลตได้อีกด้วย มีวิตามินอีสูงและมีสารเซราไมด์ช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น รักษาผิวพรรณให้สดชื่น เปล่งปลั่ง ลดริ้วรอย แถมไม่ทำให้แสบจากหัวไชเท้าด้วย
คำเตือน : (สูตรหัวไชเท้าเหมาะกับผู้มีผิวผสม ผิวมัน ผิวธรรมดา ส่วนคนผิวแพ้ง่ายไม่ควรใช้สูตรหัวไชเท้าสดๆนะคะ)
หากขั้นตอนเหล่านี้ทำให้ลำบากใจกลับเเสบผิวอยู่ ลองใช้ชุดดูแลผิวหน้าที่เป็นฝ้า ของ Manee Skincare นะคะ เพราะเราคัดสรรแต่สิ่งดีๆ เพื่อผิวหน้า และไม่ให้หน้าบางลง พร้อมช่วยบำรุงฟื้นฟูผิว ไม่ให้ลอก แสบ แดง หลังใช้ด้วยค่ะ ทาครีมรักษาฝ้า ทุกๆวัน เป็นประจำ ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างหัวไชเท้า ก็จะค่อยๆผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นเม็ดสีเมลานิน หรือ ฝ้า ให้ค่อยๆจางลง จนรู้สึกได้เลยค่ะ :)
รายละเอียดชุดรักษาฝ้าเพิ่มเติม : ชุดรักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้า Manee Skincare
ชุดครีมรักษาฝ้าให้หายขาด เวชสำอางค์จาก Manee SkinCare
ชุดครีมรักษาฝ้าให้หายขาด เวชสำอางค์ที่ขายดีอันดับที่1 จากManeeSkinCare
ชุดครีมรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้หายขาด ผสมสารสกัดหัวไชบริสุทธิ์ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว
ดูแลรักษาสภาพผิว พร้อมบำรุงผิวหน้าให้เปล่งปลั่ง พัฒนาสูตร และ ดูแลการผลิต โดยเภสัชกร
รับประกันความพึงพอใจ ไม่เห็นผลยินดีคืนเงิน100%
ปรึกษาปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยเภสัชกรแพทย์แผนไทย ฟรี!
Tel : 081 5654515
FB : https://m.me/maneeskincare/
Line : https://line.me/R/ti/p/%40nxc0793m
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น