สาเหตุหลักๆ ของการเกิดฝ้า
ปัญหาฝ้าส่วนใหญ่เราจะพบมาในผู้หญิงที่อายุราวๆ 20 - 50 ปี มักจะปรากฎเป็นสีน้ำตาล ตามบริเวณหน้าแก้ม ของใบหน้า ฝ้าเหล่านี้ มักเกิดมาจาก .. .
แสงแดด - แสงแดดในเวลา 10.00 - 14.00 น. เป็นแสงแดดที่มีรังสี UV ส่งผลแรงมากที่สุด ทำให้ melanocytes (เซลล์ที่ผลิตสีเข้มในผิวหนัง) ที่มีหน้าที่สร้างเมลานิน (Melanin) เมื่อเจอแสงแดดเป็นเวลานานๆ เมลานินจะก่อตัวขึ้นเป็นกระจุก เพื่อป้องกันแดด ทำให้เราเห็นเป็นรอย ฝ้าที่เป็นปื้นๆ กระจุดๆ ตามใบหน้า นั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน - ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง จากภาวะการตั้งครรภ์ ทานยาคุมกำเนิด และวัยหมดประจำเดือน จะทำให้เม็ดสีผิวทำงานผิดปกติ จนเกิดฝ้า กระ ตามมา
พันธุกรรม - คนที่มีญาติเป็นฝ้า จะทำให้ลูกหลานเป็นฝ้าตามไปด้วย
เครื่องสำอาง - การแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอาง อย่างน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสี อาจทำให้เกิดรอยดำเป็นฝ้าบนผิวหน้าได้
สารอาหารไม่เพียงพอ - พบว่าผู้ที่เป็น ฝ้า ส่วนใหญ่ มีการทำงานของตับผิดปกติ และ ผู้ที่ขาดวิตามินบี12
ฝ้า แบ่งออกได้ 2 ชนิด
ฝ้าแบบลึก : จะอยู่ในชั้นที่ลึกกว่าหนังกำพร้า เกิดความผิดปกติในผิวหนังแท้ มีลักษณะเป็นสีม่วงๆ อมน้ำเงิน รักษาได้ยากกว่าฝ้าแบบตื้น การทายาฝ้า จะช่วยให้บรรเทาอาการฝ้าดีขึ้นเท่านั้น ต้องทำเป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอด้วย
ฝ้าแบบตื้น : จะอยู่ระดับผิวหนังกำพร้า หรือผิวชั้นนอก มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อน แต่รักษาให้หายได้ไว เพียงใช้ยาทาฝ้าอ่อนๆ และครีมกันแดด ฝ้า กระ ก็จะค่อยๆจางหายไปในที่สุด
ครีมรักษาฝ้า
ครีมรักษาฝ้าจะมีทั้งแบบที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ และ ครีมรักษาฝ้าที่มีสารเคมี ซึ่งทั้ง 2 แบบ นี้ สามารถรักษาฝ้าให้หายได้ แต่ แบบไหนล่ะ ที่จะดีที่สุดกับผิวหน้าของเรา
ครีมแก้ฝ้า จากสารสกัดจากธรรมชาติ กรดจากธรรมชาติ อย่าง VitaminC, AHA จะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเมลานินได้อย่างเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยมากกว่า การใช้ สารเคมี ซึ่งกรดเหล่านี้ เราหาได้ง่ายๆจากผัก ผลไม้ อย่างเช่น หัวไชเท้า มะเขือเทศ ว่านหางจรเข้ มะนาว ส้ม มะขาม และอื่นๆอีกมากมายเป็นต้น และสารสกัดเหล่านี้ ทำให้ครีมแก้ฝ้าที่ใส่ใจต่อผิวหน้า ของผู้บริโภค นำสารสกัดจากจากวิตามินเหล่านี้ มาช่วยทำให้ฝ้าค่อยๆจางลงได้ และไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า
ครีมแก้ฝ้า จากสารเคมี ครีมแก้ฝ้าเหล่าสามารถยับยั้ง เมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าได้อย่างชะงัก สามารถทำให้ฝ้าจางหายได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งสารส่วนใหญ่ที่นิยมใช้คือ สาร Hydroquinone คือ สารเคมีที่ช่วยยับยังการสร้างเมลานินให้ลดลง ต้องใช้ปริมาณตามที่แพทย์กำหนดเท่านั้น สามารถใช้ได้แค่ 4% ก็เพียงพอแล้ว แต่ก็มีผู้ผลิตบางรายที่เห็นแก่ตัว นำสารเคมีที่ชื่อ Hydroquinone มาใช้ในปริมาณที่มากกว่าแพทย์กำหนด เพราะอยากให้ผู้บริโภคใช้แล้ว เห็นผลเร็วทันใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย.. ผลเสียที่จะตามมาก็คือ เมื่อหยุดใช้ ฝ้าจะกลับมาลึกขึ้น สีผิวไม่สม่ำเสมอ บางรายแพ้หนักๆผิวไหม้ เจอแสงแดดไม่ได้ มีสิวขึ้นมากมาย กลายเป็นคนผิวแพ้ง่ายจัดไปเลยก็มี
เอาล่ะ! เราจะพูดถึงครีมแก้ฝ้าเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ทีนี้.. เรามาดูตารางเปรียบเทียบระหว่าง ครีมแก้ฝ้าที่มีสารสกัดจากธรรมชาติของ MaNeE SKINCARE และ ครีมแก้ฝ้าจากสารเคมี กันค่ะ
ตารางเปรียบเทียบ ครีมรักษาฝ้า Manee และ ครีมทั่วไป
จากตาราง เราจะเห็นได้ว่า ..
ครีมแก้ฝ้า Manee : จะสามารถทำให้ฝ้าหายได้ แต่จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา
ซึ่งจะแตกต่างกับ
ครีมแก้ฝ้าทั่วไป : ที่ทำให้ฝ้าจางหายไว แต่ผลกระทบกลับมาเยอะมาก ทั้งฝ้าฝังลึก หน้าด่าง ผิวไหม้ แถมผิวแพ้ง่ายอีกด้วย
หากใครที่มีปัญหาฝ้า แล้วอยากแก้ฝ้าให้หายได้อย่างปลอดภัย เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมจากสารสกัดจากธรรมชาติ อย่าง ครีมแก้ฝ้า Manee Skincare ที่เกิดจากการคิดค้นอย่างใส่ใจ โดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ที่ผู้ใช้ยอมรับว่า ฝ้ากระ หายจริง เห็นผลแน่นอน เลิกใช้แล้วฝ้าไม่กลับมา ผิวไม่ดำ ขณะใช้หน้าไม่ลอก ผิวหน้าก็ไม่แพ้ด้วยนะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น